8 ทริคของการตลาดออนไลน์ที่ธุรกิจอาจมองข้ามไป
ในยุคที่สื่อออนไลน์กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค สิ่งหนึ่งของคนทำธุรกิจทุกคนมักจะต้องเจอนั่นก็คือ “แรงกดดัน” จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจหรือทำธุรกิจมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ทำให้ลูกค้าของเราเข้าไปอยู่ แต่ธุรกิจอาจจะเพิ่งก้าวเข้าไปทำให้อาจตามไม่ทันผู้บริโภคได้ แต่อย่าเพิ่งท้อเพราะสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้แบรนด์ของคุณเติบโตได้ในชั่วข้ามคืน แต่ก็มี 8 ความลับที่ซ่อนอยู่หรือที่ใครหลายคนมองข้ามวิธีเหล่านี้ไป โดยไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของคุณเท่านั้น แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของลูกค้ากับแบรนด์ของคุณอีกเช่นกัน
1. “จ่ายเงิน” เพื่อซื้อพื้นที่ในการเผยแพร่ (Paid Social Media)
การ“จ่ายเงิน” เพื่อซื้อพื้นที่ในการเผยแพร่หรือ Paid Social Media ช่วยให้ประสิทธิภาพคอนเทนต์หรือแคมเปญของเรานั้นมีผู้เข้าถึงได้ง่ายและเพิ่มขึ้น อย่างเช่น Google Search Ads ซื้อโฆษณาบน Search Engine, การซื้อโฆษณาบน Facebook, การซื้อโฆษณาระหว่างวิดีโอบน Youtube รวมถึงการซื้อพื้นที่โฆษณาออนไลน์ผ่านสื่อต่าง ๆ เนื่องจากการโพสเนื้อหาแบบออร์แกนิก (Organic) ให้ถึงผู้ติดตามหรือลูกเพจ ในปัจจุบันมีความยากขึ้น เพราะอัลกอริธึมในโซเชียลมีเดียมีการปรับเปลี่ยนใหม่ ส่งผลให้เนื้อหาที่โพสไปนั้นมีการเข้าถึงที่น้อยลง
ซึ่งการ Paid Social Media จะมีระบบ AI คอยตรวจสอบกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยธุรกิจสามารถเลือกปรับกลุ่มเป้าหมายได้ตามต้องการ อย่างเช่น ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ อายุและเพศ เมื่อธุรกิจได้เลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจตรงกับธุรกิจของคุณ จะช่วยให้เพิ่มการเข้าถึงและการรับรู้ธุรกิจหรือแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น หากธุรกิจเคยโพสเนื้อหาแต่เพียงรูปแบบ Organic อย่าลืมลองทำในส่วนของ Paid Social Media เพิ่มเติมควบคู่ไปด้วย เพื่อประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้นไปของแคมเปญนั้นๆ
2. กฎ 80/20 ทำน้อยแต่ได้มาก
กฎ 80/20 หรือหลักการพาเรโต (Pareto) ถือเป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการจัดการชีวิต และเวลา โดยสามารถนำมาประยุกต์ปรับใช้กับการทำธุรกิจได้เช่นกัน การใช้กฎ 80/20 ในการโปรโมทธุรกิจบนโซเชียลมีเดีย หากเป็นคอนเทนต์หรือเนื้อหาที่พูดถึงเกี่ยวกับธุรกิจของคุณเอง ควรให้ความสำคัญเพียง 20% ของเวลาทั้งหมด อีก 80% มีไว้สำหรับคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์กับลูกค้าหรือการโต้ตอบระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ มอบคุณค่าที่แตกต่างให้กลุ่มเป้าหมายที่ควรจะได้รับ เพื่อก่อให้เกิด Brand Loyalty กับลูกค้าอีกด้วย
3. ทำการตลาดผ่านวิดีโอ (Video Marketing)
การทำ Video Marketing ไม่ใช่เป็นการทำคอรเทนต์ในรูปแบบใหม่ เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับวิดีโอ หากเข้าไปดูตามโซเชียลมีเดียต่างๆ จะพบว่ามีคลิปจำนวนมากที่ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งคลิปวิดิโอตลกหรือคลิปที่มีประโยชน์ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชื่นชอบการ “ดู” มากกว่า “อ่าน” นั่นทำให้คอนเทนต์ประเภทนี้ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันเราในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น การทำการตลาดผ่านวิดีโอ (Video Marketing) จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญอย่างมากในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะวิดีโอสามารถส่งสารหรือข้อมูลให้ย่อยง่าย เสพง่าย เข้าถึงง่าย สามารถสร้างภาพลักษณ์หรือการรับรู้ให้เป็นรูปธรรม มุ่งให้เกิดการแชร์ต่อ กระจายการรับรู้ไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ เพื่อหาลูกค้าใหม่
4. การตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing)
อีกหนึ่งเทคนิคการตลาดที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน นั่นก็คือ Influencer Marketing ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์ คือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล ที่ทำคอนเทนต์เผยแพร่ตามแพลตฟอร์มต่างๆ แล้วมีคนสนใจติดตาม ยิ่งมีผู้ติดตามมากก็ยิ่งมีอิทธิพลมาก กุญแจสำคัญในการทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์นั้นง่ายกว่าที่คุณคิด คืออย่าหลงใหลในตัวเลขเพียงเพราะอินฟลูเอนเซอร์ทมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียเป็นแสนคน ผู้ที่มีติดตามเยอะอาจไม่ได้เป็นคนที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ ธุรกิจควรค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณมากกว่า ช่วยให้เข้าถึงและโน้มน้าวผู้บริโภคได้ดีกว่าการตลาดแบบอื่น
5. สร้าง CTA เพิ่มยอดขาย (Call To Action)
CTA หรือ Call to Action คือหนึ่งในส่วนประกอบที่มีส่วนช่วยในการทำแคมเปญการตลาด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มบนอีเมลล์หรือจะเป็นปุ่ม Pop-up บนหน้า Blog ที่เข้าหน้า Landing Page ของเว็บไซต์ของคุณ เช่น สมัครสมาชิก ลงทะเบียน ซื้อเลย ปรึกษาฟรีหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม ฯลฯ ซึ่ง CTA ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นและสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้ากระทำบางอย่าง เพื่อต่อยอดไปสู่การซื้อสินค้าและบริการ CTA ควรสั้นและตรงประเด็น จูงใจให้ลูกค้าคลิกได้ CTA จึงเป็นหนึ่งความลับที่มีความสำคัญสำหรับการตลาดออนไลน์
6. การให้ฟรี
ใครๆ ก็ชอบของฟรี แต่การทำการตลาดแบบให้ฟรีหรือแจกของฟรีอาจไม่ได้พลิกธุรกิจของให้ดีขึ้นได้ในพริบตา แต่ความจริงแล้วเราสามารถกระตุ้นธุรกิจของเราได้ เพียงแค่รู้จักทำการตลาดแบบ “ให้ฟรี” อย่างชาญฉลาด โดยคุณสามารถให้ลูกค้าได้ลองใช้สินค้าและบริการฟรีได้ โดยมีเงื่อนไขหรือขอแลกเปลี่ยนบางอย่าง เช่น สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนใช้บริการ, ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน, ตอบแบบสอบถามของคุณ หรือจะให้ลูกค้าเล่นกิจกรรมโดยการ ‘แท็กเพื่อน’ เพื่อลุ้นสินค้าฟรีตามโลกโซเชียล สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์แบรนด์ได้อีกทาง
หรือหากธุรกิจไม่มีข้อเสนออะไรจะให้ฟรีๆ ธุรกิจก็อาจนำเสนอบางอย่างที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้าแทนหรือทำคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ฟรีๆ ให้กับลูกค้า อย่างเช่น วิดีโอสอนทำอาหาร สูตรอาหารฟรี หรืออะไรก็ได้ที่ปรับแล้วเหมาะกับธุรกิจของคุณเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องเสียเวลาหรือเงินมาก แต่อาจได้ผลตอบแทนกลับมาไม่มากก็น้อย
7. การเล่าเรื่องราว (Storytelling)
ความผิดพลาดในการทำตลาดอย่างหนึ่ง คือการที่ธุรกิจมุ่งเน้นไปที่แบรนด์หรือโลโก้มากเกินไปและละเลยการเล่าเรื่องราวที่น่าเชื่อถือ เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยเชื่อมโยงและกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการซื้อ ส่งสารให้ลูกค้าเห็นถึงความสำคัญของสินค้าหรือแบรนด์ ผ่านการเล่าเรื่องว่าธุรกิจของคุณเป็นใคร สร้างผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ใคร เอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์หรือสร้างประโยชน์ต่อสิ่งใดบ้างในโลกธุรกิจ ทริคของการทำการตลาดผ่านการเล่าเรื่องนั้น เป็นวิธีที่จะช่วยกระตุ้นสมองหลายๆ ส่วนของผู้ชม เช่น ส่วนการประมวลผลภาพ เสียง กลิ่น การเคลื่อนไหว และความคิด นอกจากนี้ยังสร้างการจดจำ ทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกร่วมในเรื่องราวของแบรนด์
8. การรักษาความสม่ำเสมอ (Consistent)
ความลับทางการตลาดสุดท้ายที่ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด คือการรักษาความสม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่หลายแบรนด์ตกม้าตายไป เพราะลูกค้าทุกคนมักจะคาดหวังในคุณภาพและบริการ สิ่งสำคัญของแบรนด์คือรักษาความสม่ำเสมอในส่วนนี้ ถ้าหากลูกค้าเคยซื้อสินค้าหรือใช้บริการไปแล้วกลับมาอีกครั้ง แล้วเกิดเจอสิ่งที่ไม่สอดคล้องกันทั้งด้านข้อมูล โปรโมชั่น และบริการ ก็จะทำให้เสียฐานลูกค้าไปอย่างรวดเร็ว การรักษาความสม่ำเสมอก็เสมือนกับการรักษามิตรภาพดีๆ กับลูกค้า แม้ว่าจะปิดการขายเรียบร้อยแล้วก็ควรติดต่อกับลูกค้าอยู่เรื่อยๆ เป็นวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยรักษาลูกค้าให้อยู่กับเราได้นานขึ้น
และทั้งหมดนี้ก็คือ 8 ทริคของการทำการตลาดออนไลน์ ที่หากธุรกิจได้นำปรับใช้แล้วลองทำได้ทุกวิธี รับรองว่าธุรกิจของคุณต้องมียอดขายที่เพิ่มขึ้นแน่นอน ช่วยให้คุณมีโอกาสที่ดีขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง อย่างไรก็ตาม การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งต้องใช้เวลา เป็นสิ่งที่ต้องทำในระยะยาว แต่โลกออนไลน์ไม่มีเวลาเปิดปิด ไม่มีวันหยุด ลูกค้าสามารถเข้าถึงธุรกิจคุณได้ตลอดเวลา เพียงแค่มีช่องทางในการขายที่มีประสิทธิภาพ ก็สามารถสร้างโอกาสในการขายให้กับธุรกิจได้ทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่พลาดทุกโอกาสทางธุรกิจ
ที่มา
https://digitalmarketingstream.com
สนใจผลิตภัณฑ์ของ Credit OK สามารถติดตามได้ผ่านทาง
เว็บไซต์ : www.creditok.co
Line Official : @creditok
บทความอื่นเพิ่มเติม : https://blog.creditok.co/
